อาการปวดหลังช่วงเอว เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในวัยทำงานหรือผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาการนี้ไม่เพียงแค่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจพัฒนาเป็นอาการเรื้อรังที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาว
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจสาเหตุของอาการ ปวดหลังช่วงเอว วิธีการบรรเทาด้วยกายภาพบำบัด และแนวทางป้องกันที่สามารถทำได้จริงในชีวิตประจำวัน
สาเหตุของอาการปวดหลังช่วงเอว
- ท่าทางในการนั่งหรือยืนที่ไม่ถูกต้อง
การนั่งหลังค่อม ยืนเอียงตัว หรือนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานานอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังช่วงเอวตึง และเกิดการอักเสบของเส้นเอ็นหรือหมอนรองกระดูก - กล้ามเนื้ออักเสบหรือยึดเกร็ง
การใช้งานกล้ามเนื้อหลังมากเกินไป เช่น ยกของหนักโดยไม่ใช้ท่าทางที่ถูกต้อง อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเอวเกิดการฉีกขาดหรืออักเสบ - หมอนรองกระดูกเสื่อมหรือเคลื่อน
พบมากในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้หลังที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท จนรู้สึกปวดร้าวไปยังสะโพกหรือต้นขา - ความเครียดหรือภาวะอารมณ์
ความเครียดสะสมอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังเกร็งตัวโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดอาการปวดหลังช่วงเอวเรื้อรังได้เช่นกัน
วิธีบรรเทาอาการปวดหลังช่วงเอวด้วยกายภาพบำบัด
กายภาพบำบัด เป็นวิธีการรักษาที่เน้นการใช้การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายเฉพาะจุด เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ และฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อหลังช่วงเอวอย่างปลอดภัย
เทคนิคที่นิยมใช้ในกายภาพบำบัดสำหรับอาการปวดหลังช่วงเอว
- การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching)
การยืดเหยียดกล้ามเนื้อสะโพก ต้นขา และหลังล่าง ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อ และเพิ่มความยืดหยุ่น ลดแรงกดทับที่เกิดขึ้นบริเวณเอว - การออกกำลังกายเสริมความแข็งแรง (Strengthening)
เช่น ท่า bridge, pelvic tilt และ core strengthening จะช่วยเสริมกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและหลังล่างให้แข็งแรงขึ้น ลดโอกาสกลับมาเจ็บซ้ำ - การใช้เครื่องมือทางกายภาพ
เช่น การอัลตราซาวนด์ไฟฟ้ากระตุ้น การประคบร้อนหรือเย็น ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบ และคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัว - การฝึกท่าทางในการเคลื่อนไหวประจำวัน (Posture Training)
นักกายภาพบำบัดจะช่วยแนะนำวิธีนั่ง ยืน เดิน หรือยกของที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำที่หลังช่วงเอว
แนวทางป้องกันอาการปวดหลังช่วงเอวที่ได้ผลจริง
- นั่งให้ถูกท่า
ควรนั่งหลังตรง เท้าทั้งสองวางแนบกับพื้น หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง และควรลุกเดินหรือยืดเหยียดทุก ๆ 30-60 นาที - นอนบนที่นอนที่มีความแน่นพอดี
เลือกที่นอนที่รองรับแนวกระดูกสันหลังได้ดี ไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป และควรนอนตะแคงหรือหงาย พร้อมมีหมอนรองใต้เข่าเพื่อช่วยผ่อนแรงหลังช่วงเอว - ออกกำลังกายเป็นประจำ
เช่น ว่ายน้ำ เดินเร็ว หรือโยคะ จะช่วยให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรงและยืดหยุ่น ป้องกันการบาดเจ็บได้ - ควบคุมน้ำหนักตัว
น้ำหนักเกินจะเพิ่มแรงกดบริเวณหลังช่วงเอว การควบคุมน้ำหนักจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการ - หลีกเลี่ยงการยกของหนักโดยไม่ใช้ท่าที่ถูกต้อง
ควรงอเข่า ย่อตัวลง และใช้ขาในการยกของ แทนที่จะใช้หลัง
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด?
หากคุณมีอาการ ปวดหลังช่วงเอว อย่างต่อเนื่องนานเกิน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรง เช่น ชา ขาอ่อนแรง หรือปวดร้าวลงขา ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด
สรุป
อาการ ปวดหลังช่วงเอว อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากละเลยหรือรักษาไม่ถูกวิธี อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่กระทบต่อคุณภาพชีวิต การเข้าใจกายภาพบำบัดและการป้องกันที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัยจากอาการเจ็บปวด
หากคุณกำลังมองหาคำปรึกษาหรือโปรแกรมกายภาพบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญ เรายินดีให้บริการดูแลสุขภาพของคุณอย่างใกล้ชิด พร้อมแนวทางการดูแลหลังช่วงเอวที่ได้ผลจริง